ใครเด่นใครดับ! ตัดเกรดนักเตะลิเวอร์พูล ในศึกยูโร 2024 รอบแบ่งกลุ่ม
หลังจากจบรอบแบ่งกลุ่ม ศึกยูโร 2024 ผลงานของบรรดานักเตะลิเวอร์พูลที่เดินทางไปรับใช้ประเทศชาติบ้านเกิด โดยแต่ละคนมีทั้งประสบความสำเร็จ และบางคนก็น่าผิดหวัง แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้แม้แต่จะลงไปสัมผัสเกมแม้แต่นาทีเดียว สำหรับ 10 แข้งจากรั้งแอนฟิลด์ มี 7 รายที่สามารถนำประเทศทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนอีก 3 รายต้องโบกมือกลับบ้านด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ได้ไปต่อจะมีผลงานโดดเด่นอะไรมากมายนัก แน่นอนว่าทั้ง 7 แข้ง “หงส์แดง” ยังมีโอกาสที่จะได้สร้างผลงานดีมีคุณภาพ (หรืออาจทำไม่ได้เลย) ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย หรือไปไกลกว่านั้น แต่สำหรับตอนนี้ก่อนจะไปสู่รอบต่อไป มาตัดเกรดผลงานของนักเตะลิเวอร์พูล หลังจบรอบน็อกเอาต์กันดีกว่า (คะแนนเต็ม 10) ของคุ้นเคย! เว็บสถิติดังเผย บูกาโย่ ซาก้า เล่นแบ็กซ้ายมาแล้ว 9 ครั้ง ถึงเวลาพิสูจน์ของ! เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก้มหัวรับสภาพฟอร์มบู่จริงในศึกยูโร 2024 เกจิเตรียมหน้าแหก! มิลาน สคริเนียร์ มั่นอาวุธเด็ด สโลวาเกีย โค่น อังกฤษ ยูโร […]
หลังจากจบรอบแบ่งกลุ่ม ศึกยูโร 2024 ผลงานของบรรดานักเตะลิเวอร์พูลที่เดินทางไปรับใช้ประเทศชาติบ้านเกิด โดยแต่ละคนมีทั้งประสบความสำเร็จ และบางคนก็น่าผิดหวัง แต่ก็มีบางคนที่ไม่ได้แม้แต่จะลงไปสัมผัสเกมแม้แต่นาทีเดียว
สำหรับ 10 แข้งจากรั้งแอนฟิลด์ มี 7 รายที่สามารถนำประเทศทะลุเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วนอีก 3 รายต้องโบกมือกลับบ้านด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ได้ไปต่อจะมีผลงานโดดเด่นอะไรมากมายนัก
แน่นอนว่าทั้ง 7 แข้ง “หงส์แดง” ยังมีโอกาสที่จะได้สร้างผลงานดีมีคุณภาพ (หรืออาจทำไม่ได้เลย) ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย หรือไปไกลกว่านั้น แต่สำหรับตอนนี้ก่อนจะไปสู่รอบต่อไป มาตัดเกรดผลงานของนักเตะลิเวอร์พูล หลังจบรอบน็อกเอาต์กันดีกว่า (คะแนนเต็ม 10)
1. แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : 6
ทีมชาติ : สกอตแลนด์
ลงสนาม : 3 เกม
จำนวนนาที : 269 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ตกรอบ
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ สกอตแลนด์ และพวกเขาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเอาชนะ ฮังการี ให้ได้ในเกมนัดสุดท้าย กลุ่ม เอ แต่น่าเสียดายที่ทำไม่สำเร็จและแพ้อีกต่างหาก ก็เลยต้องเก็บเสื้อผ้ากลับบ้าน สำหรับฟอร์มส่วนตัวของ โรเบิร์ตสัน โดดเด่นในเรื่องเกมบุกแต่ไม่สามารถสร้างโอกาสอะไรได้มากนักเหมือนกับที่เขาทำให้เห็นตอนที่เล่นกับ ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์
2. เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ : 6
ทีมชาติ : อังกฤษ
ลงสนาม : 3 เกม
จำนวนนาที : 129 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ผ่าน
การถูกจับให้ไปยืนตำแหน่งกองกลาง และดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นแพะรับบาปจากผลงานที่ไม่ค่อยดีนักของ อังกฤษ ด้วยเหตุนี้ทำให้ รองกัปตันทีม “เดอะ เร้ดส์” โดนวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งๆ ที่เขาคือผู้เล่นที่สร้างโอกาสมากที่สุดของทัพ “สิงโตคำราม” (3 ครั้ง) ในรอบแบ่งกลุ่ม แต่แน่นอนว่าการที่ผลงานของ “ทรี ไลอ้อนส์” ไม่ดีอย่างที่หลายคนคาดหวัง ชื่อของ “รองเทรนต์” ก็เลยโดนจ้องเล่นงานเป็นเบอร์ต้นๆ
3. โดมินิค โซโบซไล : 6
ทีมชาติ : ฮังการี
ลงสนาม : 3 เกม
จำนวนนาที : 270 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ตกรอบ
แม้ว่าจะแอสซิสต์ได้ และสร้างโอกาสสำคัญ 3 ครั้ง (นักเตะคนเดียวที่สร้างโอกาสเยอะสุดในศึกยูโร) แต่ โดมินิค โซโบซไล ไม่สามารถนำ ฮังการี ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ โดย กัปตันทีมชาติฮังการี ไม่สามารถระเบิดฟอร์มได้เหมือนกับตอนเล่นให้ ลิเวอร์พูล แต่ถ้ามองในเชิงบวกการที่บ้านเกิดตกรอบ นั่นทำให้ “โซโบ” จะได้กลับมาแคมป์ลิเวอร์พูล ด้วยสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์ และพร้อมสำหรับการออกทัวร์ปรีซีซั่น
4. เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 6
ทีมชาติ : เนเธอร์แลนด์
ลงสนาม : 3 เกม
จำนวนนาที : 270 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ผ่าน
ต้องยอมรับว่าผลงานของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ไม่ได้โดดเด่นอย่างที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ตลอดช่วงรอบแบ่งกลุ่ม โดยเฉพาะในเกมแพ้ ออสเตรีย กัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์ โดนวิจารณ์อย่างหนัก อย่างไรก็ตามการที่ทัพ “อัศวินสีส้ม” ทำผลงานชนะ 1 เสมอ 1 และแพ้ 1 ก็ยังถือว่า ฟาน ไดค์ ยังทำผลงานพอไว้วางใจได้ และเขายังคงเป็นผู้เล่นคีย์แมนของ เนเธอร์แลนด์ ในการลุ้นผ่านเข้ารอบลึกๆ ต่อไป
5. โคดี้ กัคโป : 8
ทีมชาติ : เนเธอร์แลนด์
ลงสนาม : 3 เกม
จำนวนนาที : 261
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ผ่าน
นี่คือทัวร์นาเมนต์ที่ดีเยี่ยมสำหรับ โคดี้ กัคโป โดยเขาเป็นักเตะ “หงส์แดง” ที่ฟอร์มดีที่สุดในศึกยูโร 2024 และแน่นอนว่าผลงานแบบนี้ทำให้ อาร์เน่อ สล็อต กุนซือชาวดัตช์ มองเห็นแล้วว่านักเตะควรจะเล่นตำแหน่งให้ที่จะงัดฟอร์มเก่งออกมา คำตอบก็คือแนวรุกฝั่งซ้าย ผลงานสองประตูทำให้เขาอยู่ในกลุ่มลุ้นดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์ และสไตล์การเล่นที่เลี้ยงจากฝั่งซ้ายและตัดเข้าในก่อนตะบันด้วยเท้าขวา มันช่างโดดเด่นเหลือเกิน
6. ดีโอโก้ โชต้า : 5
ทีมชาติ : โปรตุเกส
ลงสนาม : 2 เกม
จำนวนนาที : 42 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ผ่าน
จากปัญหาบาดเจ็บกล้ามเนื้อทำให้ ดีโอโก้ โชต้า มีข้อจำกันในเรื่องการลงสนาม และน่าเสียดายที่เขาโดนปฏิเสธได้ประตูเนื่องจากถูกจับล้ำหน้า อย่างไรก็ตามผลงานของ โชต้า กับ โปรตุเกส อาจจะยังไม่โดดเด่นเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวเป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น ดังนั้นสาวก “เดอะ ค็อป” ต้องลุ้นให้ทัพ “ฝอยทอง” ให้โอกาสนักเตะมากกว่านี้ เพราะเชื่อว่านักเตะน่าจะมีทีเด็ดในรอบน็อกเอาต์
7. โจ โกเมซ : ไม่มีคะแนน
ทีมชาติ : อังกฤษ
ลงสนาม : 0 เกม
จำนวนนาที : 0 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ผ่าน
น่าเสียดายที่ โจ โกเมซ ยังไม่ได้รับโอกาสในการเล่นให้ อังกฤษ ตลอด 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม แต่เชื่อว่าด้วยการที่นักเตะมีความสามารถหลายด้านทั้งตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก และฟูลแบ็กซ้าย-ขวา นั่นอาจจะทำให้ เซาธ์เกต มีออปชั่นในการเลือกใช้งาน แต่อาจจะยากที่จะเห็นเจ้าตัวได้ลงสนาม ยกเว้นจะมีผู้เล่นตัวหลักในแนวรับมีปัญหาบาดเจ็บ หรือติดโทษแบน
8. อิบราฮิม่า โกนาเต้ : ไม่มีคะแนน
ทีมชาติ : ฝรั่งเศส
ลงสนาม : 0 เกม
จำนวนนาที : 0 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ผ่าน
สถานการณ์ของ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ในการได้ลงสนามให้ ฝรั่งเศส ค่อนข้างจะยากเหลือเกิน เพราะดูเหมือน ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เทรนเนอร์ทัพ “ตราไก่” มีคู่เซนเตอร์หลักในใจแล้วก็คือ วิลเลี่ยม ซาลิบา และ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ แน่นอนว่าถ้าทั้งสองคนไม่มีปัญหาบาดเจ็บหรือโดนแบน คงยากที่จะได้เห็น โกนาเต้ ลงสนาม แต่อย่างน้อยๆ การที่เขาได้อยู่กับทีมชาติฝรั่งเศส ถือเป็นเรื่องดีในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์
9. ไรอัน กราเฟ่นแบร์ก : ไม่มีคะแนน
ทีมชาติ : เนเธอร์แลนด์
ลงสนาม : 0 เกม
จำนวนนาที : 0 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ผ่าน
ไรอัน กราเฟ่นแบร์ก เป็นอีกหนึ่งสตาร์ลิเวอร์พูล ที่ได้แค่นั่งดูเพื่อนร่วมชาติจากซุ้มม้านั่งสำรอง เนื่องจาก โรนัลด์ คูมัน ยังไม่ให้โอกาสเขาได้ลงสนาม โดย แนวรุกวัย 22 ปี คงจะต้องรอโอกาสของเขาต่อไปเรื่อยๆ เพราะหากมองจากความเป็นจริงขุนกำลัง “ฟลายอิ้งดัตช์แมน” ในตำแหน่งเดียวกับเขามีตัวเลือกเยอะมาก แถมฟอร์มก็โดดเด่น ด้วยเหตุนี้ กราเฟ่นแบร์ก คงต้องร้องเพลงรอต่อไปเรื่อยๆ
10. วิเตซสลาฟ ยารอส
ทีมชาติ : เช็ก
ลงสนาม : 0 เกม
จำนวนนาที : 0 นาที
ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ : ตกรอบ
วิเตซสลาฟ ยารอส ผู้รักษาประตูดาวรุ่ง ยอมรับสภาพอยู่แล้วว่าเป็นเพียงยางอะไหล่ของ ยินดริช สตาเน็ค มือ 1 ทีมชาติเช็ก อย่างไรก็ตาม นายด่านวัย 22 ปี ได้รับใบเหลืองทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงสนาม เนื่องจากมีส่วนพัวพันกับเรื่องวุ่นวายในเกมแพ้ ตุรกี 1-2 กลุ่ม เอฟ นัดสุดท้าย แม้ ยารอส จะไม่ได้รับประสบการณ์ในเกมยูโรครั้งนี้แล้ว แต่เชื่อว่านักเตะน่าจะยังเป็นส่วนหนึ่งในแผนการสร้างทีมของ ลิเวอร์พูล สำหรับซีซั่น 2024/2025
สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA DIAMOND สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://ufadiamond.ibetauto.com/ufadiamond/ufabet/register
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : @udm888