ชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือชนะเซาธ์แฮมป์ตัน ชนะอาร์เซน่อล หรือชนะวูล์ฟแฮมป์ตัน ชนะลิเวอร์พูล หรือชนะอิปสวิช ทาวน์ มันก็ได้ 3 คะแนนเท่ากัน ไม่ได้มีโบนัสว่าชนะทีมใหญ่ หรือชนะเกมยาก แล้วจะได้คะแนนพิเศษเพิ่มขึ้นสักหน่อย

ชนะก็ได้ 3 คะแนน.. ชนะใครก็ 3 คะแนนเหมือนกันทั้งนั้น

ถ้าว่ากันเฉพาะตารางคะแนนเพียว ๆ มันก็ใช่ แต่บางทีฟุตบอลก็มีอะไรมากไปกว่านั้น..

มูลค่าของแต้มอาจเท่ากัน หากคุณค่าของมัน อาจไม่ใช่ทุกเกมที่มีค่าเท่ากัน

ชัยชนะเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืนที่ผ่านมาอาจจะเป็นลักษณะแบบนั้น คือมีอะไรที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้มามากกว่า 3 คะแนน

แฟนบอลยูไนเต็ดสามารถดีใจ ชื่นใจ และภูมิใจกับชัยชนะเกมนี้ได้อย่างสุดเหวี่ยง เพราะมันมีองค์ประกอบแห่งคุณค่ามากมาย

1. ชนะคู่ปรับร่วมเมืองที่มีมาตรฐานสูงกว่ามาหลายปี เกมลีกที่เจอกัน 6 นัดก่อนหน้านี้ไม่ว่าที่ไหนยูไนเต็ดแพ้ไปถึง 5 ถูกยิงกระจุย 18 ประตู

2. ชนะอย่างมีสไตล์ โดนนำจนถึงนาทีที่ 87 แล้วรัวแซง 2 ประตูใน 2 นาที

3. ชนะด้วยรูปเกมที่ไม่ได้เป็นรอง กล้าเล่น กล้าบีบกดดันเข้าใส่ตั้งแต่แดนบน ไม่ได้ถูกบดขยี้แบบโงหัวไม่ขึ้น

4. ชนะด้วยเลือดนักสู้ ไม่ทิ้งความหวัง ชนะแบบที่พาแฟนบอลหวนนึกไปถึงแคแร็กเตอร์ไม่ยอมแพ้ที่เคยมี

ไม่ได้ก้มหน้ารับสภาพอย่างน่าอเน็จอนาถเหมือนบางเกม แพ้ขาดว่าแย่แล้ว แพ้แบบไม่สู้ยิ่งแย่กว่า ไม่มีอะไรสร้างความเจ็บช้ำให้แฟนบอลมากไปกว่าการเห็นทีมถูกขยี้เละเทะและนักเตะคอตกไม่มีการตอบสนองต่อความอับอายนั้นอีกแล้ว

ความกังวลของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เองก็เป็นส่วนหนึ่งในชัยชนะนัดนี้เช่นกัน นี่คือช่วงที่ทีมเรือใบสีฟ้าดำดิ่งอย่างไม่น่าเชื่อจริง ๆ สิบเกมก่อนหน้านี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทีมชนะได้แค่ครั้งเดียว เสมออีกสองหน และที่เหลือ 7 นัดคือความปราชัยทั้งสิ้น

มันแสดงออกมาทางวิธีการเล่นของซิตี้ ไม่เร่งเครื่อง ไม่โหมบุก เล่นช้าลง เน้นความแน่นอนขึ้น ช่วงเวลาที่ดูจะเป็นบอลในแบบซิตี้ผู้ครองวงการจริง ๆ เห็นจะมีเพียงช่วง 10 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกหลังจากได้ประตูขึ้นนำที่นักเตะเรือใบต่อบอลสั้นรวดเร็วเคลื่อนตัวกันกระฉับกระเฉงเท่านั้น

ช่วงอื่น ๆ ที่เหลือ ซิตี้ดูตีบตันไร้ไอเดีย อาจมีเพียง เฌเรมี่ โดกู คนเดียวที่พอจะมีบทบาทชัดหน่อยในเกมรุก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเมื่อต้องเจอกับการมีตัวสอดซ้อนอยู่ตลอดของผู้มาเยือน

ฟิล โฟเด้น กับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่ซัดยูไนเต็ดไปแล้วคนละ 6 ประตูและจัดการ 12 จาก 13 ประตูล่าสุดในพรีเมียร์ลีกที่ซิตี้ยิงใส่ปีศาจแดง เงียบหายไปกับสายลมหนาวในเอติฮัด สเตเดี้ยม

การเล่นอย่างมีวินัยในเกมรับ อดทนรอโอกาส และพยายามสร้างมันขึ้นมาเองโดยเฉพาะในครึ่งหลังคือเรื่องที่ยูไนเต็ดทำได้ดี อาหมัด ดิยัลโล่ได้โหม่งเกือบเสียบเสา บรูโน่ แฟร์นันด์สได้หลุดเข้าไปชิพข้ามตัวเอแดร์ซอนหลุดกรอบ ค็อบบี้ เมนู โขกลูกเปิดของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ออกไปแบบได้ลุ้น

ยิ่งเวลาผ่านไปความเกร็งของซิตี้เหมือนจะยิ่งมากขึ้น ผลการแข่งอันย่ำแย่ 10 นัดที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อความหนักแน่นที่พวกเขาเคยมีจริง ๆ และกลายเป็นทีมปีศาจแดงผ่อนคลายกว่า เล่นได้เป็นธรรมชาติกว่า

กระทั่งการเปลี่ยนตัวยังมีไอเดียที่ชัดเจน นอกจากเติมความสดลงไปแล้ว แมนฯ ยูฯ ก็ยังเล่นด้วยความหวังเต็มเปี่ยมเพราะตามหลังเพียงประตูเดียวในเกมที่สามารถสร้างโอกาสทำประตูได้เป็นระยะ

อันโตนี่ ลงแทน นุสแซร์ มาซราอุย ในตำแหน่งวิงแบ๊กฝั่งขวา.. เปลี่ยนตามตำแหน่งแต่เกมรุกชัดขึ้นด้วยความเป็นปีกธรรมชาติ

โจชัว เซิร์กเซ่ ลงแทน ราสมุส ฮอยลุนด์ ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า.. เปลี่ยนตามตำแหน่งอีกเช่นกันแต่การเล่นต่างกัน ฮอยลุนด์ค้ำข้างหน้า เซิร์กเซ่ถอนตัวลงต่ำมาเชื่อมเกมและเปิดพื้นที่ให้คู่ตัวรุกเบอร์ 10 สอดทะลุเข้าพื้นที่ทำประตู

เลอนี่ โยโร่ ลงแทน มัตไตจ์ เดอ ลิกต์ ในตำแหน่งเซนเตอร์แบ๊กฝั่งขวา.. เปลี่ยนตามตำแหน่งอีกนั่นล่ะ แต่ โยโร่ สดกว่า คล่องตัวกว่า เหมาะกับช่วงเวลาที่เหลือมากกว่า และยังเป็นกองหลังยุคใหม่ที่พาบอลขึ้นมาเปิดเกมเองได้

เป็นเกมที่ อโมริง และ ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอะไรมานำเสนอ มีไอเดียชัดเจนอยู่ในสมอง ไม่มั่วซั่ว ไม่เละเทะ หรือจับต้นชนปลายไม่ถูก

ที่สำคัญ การรอคอยโอกาสอย่างอดทนนั้นยังได้รับผลตอบแทนที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย เมื่อ 2 ประตูที่ได้มาต่างก็มาจากลักษณะที่แตกต่างกัน

ประตูตีเสมอ 1-1 คือรางวัลตอบแทนความอดทนและการรอคอยไม่ทิ้งความหวัง มันมีโอกาสเหมือนกันที่เกมจะเป็นไปแบบนั้นจนหมดเวลา คือยูไนเต็ดพยายามหาโอกาสยิงตีเสมอแต่ทำไม่ได้ เกมจบที่ 1-0 และสามคะแนนของเจ้าถิ่น

เกมลักษณะแบบนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อฝ่ายนำสามารถรับมือกับเกมบุกของฝั่งตรงข้ามได้ตลอดรอดฝั่ง เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดจุดพลิกผัน

เรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เรื่องที่เป็นข้อต้องห้ามเด็ดขาดถ้าคุณต้องการควบคุมสถานการณ์ความได้เปรียบ นั่นคือความผิดพลาดส่วนบุคคล

ยูไนเต็ดพยายามบุกและหวังถึงจุดพลิกผันนั้นไปด้วย มันจะเกิดขึ้นไหมไม่รู้หรอก แต่ถ้าเกิดขึ้นต้องคว้ามันให้ได้เพราะมันอาจไม่กลับมาอีก

และพวกเขาก็ทำได้ อาหมัดกับการอ่านใจ มาเตอุส นูเนซ ว่าอาจจะส่งบอลคืนหลังได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด มันคือการฉกฉวยความผิดพลาดของคู่แข่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แล้วจากนั้นอีกแค่ 2 นาที ประตูแซงนำก็ตามมา มันเป็นประตูในอีกภาพหนึ่งไปเลย

จากการต้องอาศัยคู่แข่งผิดพลาดทำประตู 1-1 ยูไนเต็ดเสกประตูชัย 2-1 ด้วยการเข้าทำของตัวเอง การวิ่งของ อาหมัด จากกลางสนามทิศทางพุ่งตรงเข้าสู่พื้นที่ว่างหน้าเขตโทษมองเห็นกันได้แบบชัด ๆ

วิ่งทำทางชัด ๆ อย่างนั้น ถ้าเพื่อนไม่เปิดบอลให้คงต้องเคลียร์ใจกันหน่อยหลังจบเกม

มาร์ติเนซมองเห็นและไม่ลังเลที่จะตวัดเปิดบอลเข้าสู่พื้นที่ลงโทษ มันจบด้วยความสมบูรณ์แบบเมื่อ อาหมัด ทำได้สำเร็จพาทีมแซงนำ 2-1

2 ประตู ใน 2 นาที จาก 2 ลักษณะ และมันเพียงพอต่อการคว้าชัยชนะอันหอมหวาน

แน่นอนครับ เส้นทางยังอีกยาวไกล การสร้างทีมของ อโมริง ก็เช่นกัน เขายังจะต้องพานพบกับอุปสรรคและขวากหนามอีกมาก แต่อย่างน้อยชัยชนะในเกมนี้ก็ล้ำค่าอย่างที่สุด

แฟนบอลยูไนเต็ดยังได้พอใจกับชัยชนะเกมนี้ด้วยคุณค่าด้านอื่นอีก นั่นคือการได้เห็น “ไม้แข็ง” ของ อโมริง ที่มีต่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ซึ่งถูกตั้งคำถามอย่างหนักถึงทัศนคติ

มันแสดงให้เห็นว่า อโมริง กำลังสร้างทีมและใส่แนวคิดของเขาลงไปในทีม กำลังจัดการกับความยุ่งยากต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

เราไม่รู้หรอกว่าบทลงเอยจะเป็นอย่างไร มันอาจกำลังค่อย ๆ ดีขึ้นก็ได้ หรือกลายเป็นไม้แข็งที่ไม่เพียงพอเหมือนคราวที่ เอริก เทน ฮาก เคยใช้ไม้แข็งของตัวเองมาแล้วก็ได้

เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบ แต่ตอนนี้ แฟนบอลปีศาจแดงคงอยากฉลองให้เต็มคราบกันต่ออีกสักนิด ชนะแบบมีสไตล์อย่างนี้ทั้งทีมันจะลืมง่าย ๆ ได้อย่างไร

หน้าแรก


สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 UFA DIAMOND สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://member.ufadm8.com/register.php
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : https://lin.ee/QJ7cl29