สถานการณ์บนตารางคะแนนสนุกขึ้นอีกหลังช่องว่างระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล และ เชลซี ถูกลดลงมาเหลือ 7 แต้ม

กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เช่นกัน มันลดจาก 11 คะแนนเป็น 9 คะแนน

พรีเมียร์ลีกเพิ่งจะผ่านไป 14 เกม มันแค่ 1 ใน 3 ของเส้นทางเท่านั้นเอง เส้นชัยยังอยู่อีกไกลนัก และอะไรก็เกิดขึ้นได้

แฟนบอลลิเวอร์พูลอาจมีความวิตกเพิ่มขึ้นจากผลการแข่งขันนัดล่าสุดนี้ แต่เกมเยือน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คือหนึ่งในเกมอันตราย ใช่ว่าไปเยือนแล้วจะควักสามคะแนนกลับบ้านตามใจชอบเสียเมื่อไหร่

สามคะแนนที่หลุดมือไปน่าเสียดายไหม.. แน่นอนมันย่อมน่าเสียดายเพราะทีมฉกฉวยโอกาสแซงนำ 3-2 ได้แล้ว

หากก็นั่นล่ะครับ ฟุตบอลมันก็อย่างนี้ คุณพลาดแค่ทีเดียวก็ถูกลงโทษได้.. ควีวิน เคลเลเฮอร์ ดีมาตลอด ป้องกันประตูจังหวะสำคัญ ๆ ช่วยทีมมานักต่อนัก แต่เพียงการตัดสินใจผิดครั้งเดียว แต้มกระเด็นหลุดมือไป 2 คะแนน

กับ 90 นาทีที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค ต้องชื่นชมนักเตะนิวคาสเซิ่ลว่าสู้ได้ดีมาก ทุ่มเท วิ่งเยอะ ไม่มีท้อถอย

เอ๊ดดี้ ฮาว วางแผนการเล่นมาดี เขาให้ลูกทีมเข้าถึงนักเตะลิเวอร์พูลแบบไม่ให้พลิกเล่นบอลง่าย วิ่งเข้าใส่ตั้งแต่แดนบนไม่ให้ตั้งเกมได้

ใช้พละกำลังเยอะทีเดียวโดยเฉพาะในครึ่งแรก จนน่าคิดว่าจะเหลือเรี่ยวแรงแค่ไหนในช่วง 10-15 นาทีสุดท้าย

แต่มันก็ได้ผลตรงที่สามารถหยุดการเคลื่อนเกมของลิเวอร์พูลได้ ฮาวน่าจะมองว่าถ้าปล่อยให้อาคันตุกะได้เล่นบอล ครองบอลอย่างสบายใจ บอลสั้นสลับไดเร็กต์ของจ่าฝูงอาจทำงานและเล่นงานทีมของเขาได้

นิวคาสเซิ่ลจึงต้องชิงตัดความไหลลื่นนั้นก่อน บอลของลิเวอร์พูลต้องไปไม่ถึงแดนหน้า ต้องขับเคลื่อนไม่ได้ตรงกลางสนาม มันคือเกมที่แดนกลางหงส์แดงไม่สามารถครอบครองเกมได้เหมือนที่เคยเป็น

บอลจากข้างหลังก็มาไม่ถึงด้วยถูกวิ่งไล่กดดันแทบทุกจังหวะ จาเรลล์ ควอนซาห์ กับ โจ โกเมซ ถูกทดสอบสมาธิตลอดเวลาและต้องเอาตัวรอดแบบเต็มกลืนในหลาย ๆ ครั้ง

แอนโธนี่ กอร์ดอน, ยาค็อบ เมอร์ฟี่ และ อเล็กซานเดอร์ อิซัค สามตัวหน้าของสาลิกาดงขยันและเต็มไปด้วยวินัย วิ่งเข้ากดดันกองหลังลิเวอร์พูลทุกครั้งเพื่อให้ออกบอลยาก ทั้งหมดทำได้ดีจนต่อให้แนวรับลิเวอร์พูลใช้ตัวจริงอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ อิบราฮิมา โกนาเต้ ก็น่าจะพบกับความลำบากไม่ต่างกัน

บรูโน่ กิมาไรช์, โชลินตอน และ ซานโดร โตนาลี่ ตื่นตัวระแวดระวัง เข้าปะทะ ชิงเหลี่ยม แย่งบอลกับบรรดากองกลางของลิเวอร์พูลอย่างถึงพริกถึงขิง ไรอัน กราเฟนแบร์ก, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ เคอร์ติส โจนส์ ต่อบอลเคลื่อนเกมไม่ถนัด

มีไม่บ่อยนักที่แดนกลางของลิเวอร์พูลต้องพบกับความอึดอัดอย่างนี้ ฤดูกาลนี้น่าจะมีเพียงเกมที่เจอกับอาร์เซน่อลและเชลซีกระมังที่ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กัน

กลายเป็นแดนกลางนิวคาสเซิ่ลที่ดูหนักแน่นและมั่นใจ ยามบุกกล้าแทงบอลขึ้นหน้าให้อิซัคที่ถอนตัวลงมารับบอล เชื่อมเกม ป้ายออกข้าง หรือกระทั่งจ่ายบอลทะลุช่องแบบได้เสียลุ้นทำประตู และเมื่อนักเตะทีมเยือนถอยลงไปรับเหล่ามิดฟิลด์เจ้าถิ่นก็ไม่ลังเลที่จะกล้าพาบอลทะลวงขึ้นมาในพื้นที่นั้นเอง

เหตุผลหนึ่งที่กองหลังลิเวอร์พูลดูมีปัญหา ดูเหมือนต้องเอาตัวรอดตลอดเวลาก็เพราะการทำงานในแดนกลางของนิวคาสเซิ่ลนี่แหละ บอลตั้งจากหลังมองหาตัวกองกลางที่จะส่งบอลให้ไม่ได้ และแค่เสี้ยววินาทีพวกกองหน้าเจ้าถิ่นก็ปรี่เข้ามาถึงตัวแล้ว

เกมนี้นักเตะลิเวอร์พูลเหนื่อยทั้งกายและใจ โดยเฉพาะแดนกลางต้องคิดและรับมือกับการเล่นของ บรูโน่ โชลินตอน และ โตนาลี่ ตลอดเวลา รูปเกมที่ปรากฏจึงไม่ใช่ความได้เปรียบของลิเวอร์พูล แต่เป็นความใกล้เคียงกันระหว่างทั้ง 2 ทีมเหลื่อมไปทางเจ้าบ้านเล็กน้อย โดยเฉพาะหลังจากชิงทำประตูขึ้นนำได้ก่อน

การมี อิซัค กับไม่มี อิซัค เป็นความแตกต่างอีกอย่างหนึ่ง กองหน้าสวีดิชคล่อง ไว มีเซนส์เกมรุกสูง ไปกับบอลได้ รับมือตัวประกบดี การตัดสินใจแทบไม่ผิดพลาด ฉลาด ผ่านบอลได้เปรียบ มองเห็นช่องโจมตี ยิงประตูคม สำคัญคือเล่นอย่างเป็นธรรมชาติไม่กดดัน

ประตู 1-0 ที่เขาโยกหนี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ออกข้างแล้วตวัดยิงจากนอกเขตโทษเสียบใต้คานต้องยกนิ้วโป้งให้จริง ๆ มันเด็ดขาดในระดับ 10 เต็ม 10

กระนั้นลิเวอร์พูลเองก็มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่สร้างความแตกต่างได้เช่นกัน

จากความอึดอัดในครึ่งแรก ซาลาห์ไหลให้ เคอร์ติส โจนส์ โฉบยิงตีเสมอ 1-1 วิ่งเข้าแปลูกจ่ายของเทรนต์เข้าเสาไกลตีเสมอ 2-2 และพลิกยิงเองให้ทีมแซงนำ 3-2

เกมที่พอจะมีโอกาสอยู่บ้างแต่ทำไม่ได้อย่างในครึ่งแรกนั้น การเข้าทำจังหวะสุดท้ายต้องแม่นยำจริง ๆ และ ซาลาห์ ก็ทำให้เห็นในประตูที่ไหลให้ โจนส์ ยิงแหวกเข้าเสาแรกในนาทีที่ 50

ทุกอย่างเหมาะเจาะลงตัวและถูกเวลา กลายเป็นประตูที่ได้มาแบบไม่ทันคาดคิด สื่อบางเจ้าใช้คำว่า coming from nowhere อธิบายประตูนี้ด้วยซ้ำเพราะเริ่มครึ่งหลังไป 4-5 นาทียังไม่มีวี่แววว่าลิเวอร์พูลจะยิงตีเสมอได้

จังหวะเข้าชาร์จลูกโหม่งตั้งให้จาก โกดี้ คักโป แต่โดนบอลแค่ปลายสตั๊ดของ ดาร์วิน นูนเญซ ก็เป็นจังหวะสำคัญอีกจังหวะหนึ่งของเกม มันทำให้ลิเวอร์พูลพลาดประตูที่ 2 ชิงความได้เปรียบไม่ได้

และเหมือนตลกร้ายเมื่ออีกไม่ถึง 10 นาทีให้หลัง นิวคาสเซิ่ลก็ลงโทษความไม่เด็ดขาดนั้นด้วยประตูนำ 2-1

บอลแทงขึ้นหน้า 2 ทีนำมาซึ่งประตู บรูโน่ได้เล่นบอลง่ายไม่มีใครเข้าหาเลยก่อนจะส่งให้อิซัคที่ดึงจังหวะเล็กน้อยแล้วเคาะบอลผ่านช่องระหว่าง ควอนซาห์ กับ โกเมซ ให้ กอร์ดอน ล็อกหนึ่งทีก่อนยิงผ่าน ควีฟ เข้าไป

อาร์เน่อ ชล็อต แก้สถานการณ์ด้วยการเพิ่มความสดลงไป เทรนต์, โดมินิก โซโบซไล และ หลุยส์ ดิอาซ แทน โกเมซ กราเฟนแบร์ก และ คักโป มันได้ผลในทันทีเมื่อ โซโบ ส่งให้ เทรนต์ ตบให้ ซาลาห์ ยิงตีเสมอ 2-2

มันคือการทำประตูได้เป็นเกมที่ 7 ติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งของซาลาห์หลังจากเคยทำมาแล้วเมื่อปี 2021 และทำให้เขาเป็นนักเตะคนที่ 3 เท่านั้นต่อจาก รุด ฟาน นิสเตลรอย และ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ทำมันได้มากกว่า 1 ครั้ง

มันยังเป็นการยิงและจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้ในเกมเดียวกันเป็นครั้งที่ 37 ของเขาอีกด้วยในพรีเมียร์ลีก แซงหน้า เวย์น รูนี่ย์ ที่ทำเอาไว้ 36 ครั้งเป็นที่เรียบร้อย

ไม่เพียงเท่านั้น ประตูต่อมาของเขาก่อนหมดเวลา 7 นาทีไม่เพียงพาลิเวอร์พูลแซงนำ 3-2 แต่ยังทำให้ดาวเตะอียิปต์แซงหน้า เออร์ลิง ฮาลันด์ (12 ประตู) ขึ้นไปนำเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้แล้วอีกต่างหาก

ยิง 13 แอสซิสต์ 8 ในพรีเมียร์ลีก.. ยิง 15 แอสซิสต์ 12 ในทุกรายการฤดูกาลนี้

มันเกิดขึ้นหลังจากเขากระชากผ่าน ลูอิส ฮอลล์ ไปยิงชนคานแค่นาทีเดียว

นักเตะหงส์แดงผ่านบอลกันจากขวาไปซ้ายขึงอยู่หน้าเขตโทษนิวคาสเซิ่ล ก่อนจะเล่นบอลเร็วจากซ้ายกลับมาขวา ดิอาซ ให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ ต่อให้ โจนส์ แทงผ่าน โซโบซไล เข้าเขตโทษทางขวา แล้ว เทรนต์ ก็ตบเข้ากลางจังหวะเดียว

ซาลาห์อยู่ตรงนั้น จับบอลแล้วพลิกยิงผ่านมือ นิค โป๊ป.. นี่คือความยอดเยี่ยมของเขา อยู่ในจุดที่ถูกต้องถูกเวลา และโผล่มาเสมอยามที่ทีมต้องการ ความอันตรายของเขามีอยู่ทุกวินาทีจริง ๆ

นาทีนั้นผมเขียนในโน้ตที่จดข้อมูลเพื่อเตรียมเขียนงานไว้ว่า – โจทย์ตอนนี้ ยันสกอร์อยู่มั้ย โต้กลับได้ผลแค่ไหน เรี่ยวแรงนิวคาสเซิ่ล

ลิเวอร์พูลยิงนำ 3-2 นาทีที่ 83 จากการเล่นในหลาย ๆ เกมที่ผ่านมาและการใช้เรี่ยวแรงไปมากของนิวคาสเซิ่ลในช่วง 60 นาทีของเกม ผมมั่นใจอยู่ลึก ๆ ว่าทีมหงส์แดงน่าจะปิดเกมได้

มันอาจจะจบที่ 3-2 หรือ 4-2 จากการโต้กลับเหมาะ ๆ เพราะนิวคาสเซิ่ลโรยลงไปอย่างชัดเจนทีเดียวตั้งแต่ช่วงก่อนเสียประตูที่สาม

กระทั่งหลังจากถูกแซงนำก็ยังไม่มีโอกาสใกล้เคียงหรือหวาดเสียวที่จะตีเสมอ คล้ายหมดพลังฮึดเร่งไม่ขึ้น

ความหวังจากการบุกโอเพ่นเพลย์ใส่ลิเวอร์พูลมีไม่มาก นิวคาสเซิ่ลต้องมองหาจากโอกาสอื่น ๆ อย่างลูกตั้งเตะหรือความผิดพลาดของลิเวอร์พูลเอง

แต่มันก็ดันเกิดขึ้นจริง ๆ จาก 2 แรงบวกนั้นเลย ทั้งโอกาสที่ได้ในลูกฟรีคิกและความผิดพลาดของเคลเลเฮอร์ นิวคาสเซิ่ลจึงกลับมาได้ในที่สุด

เดาใจควีวินในจังหวะนั้น เสี้ยววินาทีของการตัดสินใจว่าจะรับ เขากำลังคิดอะไรอยู่..

อาจไม่แน่ใจว่าจะรับอยู่มือด้วยบอลที่เปิดมานั้นแรงและต้องยืดมือคว้า อาจลังเลว่าจะชกทิ้งดีไหม

หรือที่ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่สุดน่าจะเป็นเพราะเขาตัดสินใจว่าปล่อยให้บอลออกหลังไปเลยดีกว่า ไม่เสี่ยงกับการรับกระฉอกด้วย เพื่อนได้ตั้งหลักประจำตำแหน่งด้วย ที่สำคัญคือถ่วงเวลาได้ด้วย

การทำฟาวล์เสียฟรีคิกเปิดโอกาสให้นิวคาสเซิ่ลได้โยนเข้าใส่ และการตัดสินใจพลาดของควีวิน ล้วนเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถส่งผลเสียหายขนาดใหญ่ได้

หลังจบเกม เคลเลเฮอร์เดินคอตกออกจากสนาม

ในโลกโซเชียล แฟนบอลหลายคนให้กำลังใจ บางคนด่าซ้ำถากถาง ถ้อยคำดูถูกต่าง ๆ นานาพรั่งพรู

ดูโหดร้าย น่าเจ็บช้ำ แต่ชีวิตมันก็เป็นอย่างนั้น.. ทั้งในสนาม และนอกสนาม

สำหรับผม.. มันก็แค่ความเสียดาย ผลที่ไม่เป็นดังหวังไม่ใช่เรื่องสำคัญแบบโลกแตก ชัยชนะที่หายไปไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขั้นต้องอาฆาตเคียดแค้นใคร

มันก็แค่เกม ๆ หนึ่ง แพ้ได้ ชนะได้ ยิ้มได้ ร้องไห้ได้..

ในความรู้สึกของผม ชนะก็ชนะด้วยกัน สุขก็สุขด้วยกัน เฮฮาสนุกสนานภาคภูมิใจกอดคอร้องเพลงก็ไปด้วยกัน ผมจึงไม่มีปัญหาอะไรเลยกับการรู้สึกเห็นอกเห็นใจพวกเขาที่แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่เสียใจที่สุดกับความผิดพลาดนั้น

ชนะด้วยกันก็แพ้ด้วยกัน สุขด้วยกันก็เศร้าไปด้วยกัน สมหวังด้วยกันก็ผิดหวังไปด้วยกันกับพวกเขา กับควีวิน หรือกระทั่งกับดาร์วินที่เป็นตำบลกระสุนตกอีกคน

คุณผิดพลาด ผมก็อยากให้กำลังใจ วิจารณ์และวิเคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้รู้สึกว่าต้องมาด่าซ้ำเติมกันอีกราวกับคุณเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ เพราะรู้ว่าคุณรู้ดีอยู่แล้วถึงความผิดพลาดนั้น และยังคงพยายามเต็มที่ที่จะทำให้ดีที่สุด

ลงเล่นหรือไม่ลงเล่น ดีพอหรือไม่ดีพอ เป็นหน้าที่ของคุณกับเฮดโค้ช ถ้าคุณลงเล่นผมก็เชียร์ ถ้าคนอื่นลงเล่นผมก็เชียร์

ฟุตบอลเป็นกีฬา กีฬามีแต่วันชนะทุกครั้งหรือมีแต่วันสมหวังตลอดไปไม่ได้อยู่แล้ว

พลาดไป ก็แก้ตัวใหม่ อีก 2 วันก็ต้องเตะกับเอฟเวอร์ตันที่กูดิสัน พาร์คแล้ว

และหลาย ๆ ครั้ง กระทั่งความพ่ายแพ้ยังใช่จะเป็นแต่เรื่องแย่ มันกลับกลายเป็นประโยชน์ได้ด้วยซ้ำ จึงมิพักต้องพูดถึงผลเสมอจากเกมยากอย่างนี้

หลังแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ลิเวอร์พูลตอบโต้ด้วยการชนะ 8 นัดติดต่อกัน คั่นด้วยการบุกเสมออาร์เซน่อล แล้วชนะมารวดอีก 7 นัดติดต่อกันก่อนจะสะดุดเสมอเกมนี้

มองในภาพรวมยังไม่มีอะไรเสียหาย 2 คะแนนที่เสียไปน่าเสียดายก็จริงแต่มันก็ผ่านไปแล้ว ตั้งหลักใหม่ มองมันเป็น 1 คะแนนที่ได้มาดีกว่า

หน้าแรก


สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 UFA DIAMOND สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://member.ufadm8.com/register.php
สอบถามเพิ่มเติม 🆔 𝙇𝙄𝙉𝙀 : https://lin.ee/QJ7cl29