ซาลาห์ ยังมีลุ้น! 7 นักเตะล่าสุดที่ได้ บัลลงดอร์ แม้ไร้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก
การคว้ารางวัลบัลลงดอร์บ่อยครั้งมักจะเกี่ยวพันกับการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็มีอดีตเจ้าของ “บอลทองคำ” ที่คว้ารางวัลทรงเกียรติโดยที่ไม่ได้ชูโทรฟี่ “หูกาง” ช่วงที่ผ่านมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้รับการคาดหมายว่ามีโอกาสสูงที่จะได้บัลลงดอร์ แต่การที่ ลิเวอร์พูล โดน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้หลายคนมองว่า “บังโม” อาจจะหมดลุ้นรางวัลทรงเกียรตินี้ อย่างไรก็ตาม ตามหน้าประวัติศาสตร์ระบุว่ามันยังมีความเป็นไปได้ที่นักเตะจะคว้า “บอลทองคำ” มาครอบครองแม้จะไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันถ้วย “บิ๊กเอียร์” โดยก่อนหน้านี้มีนักเตะ 7 รายหลังสุดที่เคยได้นอนกอดบัลลงดอร์ แม้ไม่ได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตาม ต้องให้! ซาลาห์ ซิวแข้งยอดเยี่ยมเดือนก.พ. พร้อมสร้างสถิติ ลิเวอร์พูล พบ นิวคาสเซิ่ล! แกรี่-คีน 2 ตำนานผีฟันธง ใครแชมป์คาราบาวคัพ? ลิเวอร์พูล ว่าไง?แดน เบิร์น เชื่อ นิวคาสเซิ่ล ไม่เป็นพระรองซ้ำ 1. โรดรี้ (2024) […]
การคว้ารางวัลบัลลงดอร์บ่อยครั้งมักจะเกี่ยวพันกับการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็มีอดีตเจ้าของ “บอลทองคำ” ที่คว้ารางวัลทรงเกียรติโดยที่ไม่ได้ชูโทรฟี่ “หูกาง”
ช่วงที่ผ่านมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้รับการคาดหมายว่ามีโอกาสสูงที่จะได้บัลลงดอร์ แต่การที่ ลิเวอร์พูล โดน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้หลายคนมองว่า “บังโม” อาจจะหมดลุ้นรางวัลทรงเกียรตินี้
อย่างไรก็ตาม ตามหน้าประวัติศาสตร์ระบุว่ามันยังมีความเป็นไปได้ที่นักเตะจะคว้า “บอลทองคำ” มาครอบครองแม้จะไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันถ้วย “บิ๊กเอียร์” โดยก่อนหน้านี้มีนักเตะ 7 รายหลังสุดที่เคยได้นอนกอดบัลลงดอร์ แม้ไม่ได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตาม
1. โรดรี้ (2024)
ขณะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นตัวเต็งที่จะได้รางวัลบัลลงดอร์ หลังจากสวมบทฮีโร่นำ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2023/2024 แต่ล็อกถล่มเพราะกลายเป็นว่า โรดรี้ ปาดหน้าคว้ารางวัลไปครอบครอง
สตาร์ทีมชาติสเปน สร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นเป็นสง่าเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา ด้วยการนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ อย่างไรก็ตามในปี 2024 โรดรี้ กับ “เรือใบสีฟ้า” ไปสุดท้ายแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ถ้วยใบโตยุโรป ซึ่งแพ้ เรอัล มาดริด
ความจริงแล้วฟอร์มการเล่นของ โรดรี้ กับทีมชาติสเปนถือว่าน่าประทับใจอย่างมาก และเหนือกว่า วินิซิอุส โดยเขามีบทบาทสำคัญในการเล่นให้ทัพ “กระทิงดุ” คว้าแชมป์ ยูโร 2024 นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คะแนนโหวต ชนะ สตาร์ชาวบราซิเลียน 41 คะแนนเท่านั้น
2. ลิโอเนล เมสซี่ (2023, 2021, 2019, 2012, 2010)
เป็นที่ทราบกันดีว่า เมสซี่ คือเจ้าของ บัลลงดอร์ 8 สมัยมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ แต่เขาคว้ารางวัลทรงเกียรตินี้ 5 สมัยโดยที่ไม่ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แม้ว่าในช่วงปีเหล่านั้น สตาร์กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา จะไม่ได้ชูโทรฟี่ “บิ๊กเอียร์” แต่ฟอร์มการเล่นในทุกรายการของเขากับ บาร์เซโลน่า มันช่างโดดเด่นเกินห้ามใจ
ความสำเร็จในบัลลงดอร์ 2 ครั้งล่าสุดของ เมสซี่ ได้รับอิทธิพลจากผลงานในการเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินา โดยเขานำทัพบ้านเกิดผงาดคว้าแชมป์โกปา อเมริกา ปี 2021 และตามด้วยแชมป์ฟุตบอลโลก 2022
ส่วนตอนที่คว้า บัลลงดอร์ ในปี 2010, 2012 และ 2019 เมสซี่ สร้างผลงานด้วยการนำ บาร์ซ่า ทะลุเข้าไปในรอบลุกๆ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่แพ้ในรอบตัดเชือกทั้งหมด
3. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (2013)
ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เพราะในปี 2013 เป็นปีเดียวเท่านั้นที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คว้ารางวัลบัลลงดอร์ โดยที่ไม่ได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก
จริงๆ แล้ว “ซีอาร์เซเว่น” ได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้โดยที่ไม่ได้แชมป์รายการระดับเมเจอร์เลยในปีนั้น โดยเขาล้มเหลวในการคว้าแชมป์ ลา ลีกา, โกปา เดล เรย์ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ โรนัลโด้ ยังสามารถเอาชนะ เมสซี่ กับ ฟร้องค์ ริเบรี่ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
หากพูดกันแบบแฟร์ๆ ปีนั้น “เฮียโด้” สร้างฟอร์มที่น่าเหลือเชื่อมากๆ โดยตะบันไปถึง 69 ประตูจากการเล่น 59 เกมตลอดปีปฎิทิน กระนั้นแทบไม่น่าเป็นไปได้ที่จะคว้าบัลลงดอร์โดยไม่ได้แชมป์ระดับเมเจอร์ อย่างกรณีของ โรนัลโด้ ในปีนั้น
4. ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (2006)
บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2006 และ โรนัลดินโญ่ ได้รับการคาดหมายว่าเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้ บัลลงดอร์ ในปีนั้น แต่สุดท้าย “ดินโญ่” จบอันดับ 4 !!
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะในปีนั้นมีการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งนั่นทำให้ แชมเปี้ยนส์ ลีก ดูดร็อปลงไปนิดหน่อย ด้วยเหตุนี้นักเตะที่สามารถประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับประเทศ จึงได้รับความสำคัญมากกว่า
คันนาวาโร่ มีส่วนสำคัญในการนำ อิตาลี คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 2006 และนั่นถือเป็นประโยชน์สำหรับตัวเขา เพราะการเป็นฮีโร่ช่วยชาติถือเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักเตะได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้ไปครอบครอง
5. โรนัลดินโญ่ (2005)
ย้อนกลับไปในปี 2005 ลิเวอร์พูล สร้างความมหัศจรรย์ด้วยการคว้าแชมป์ “บิ๊กเอียร์” แต่ โรนัลดินโญ่ กลับปาดหน้า สตีเว่น เจอร์ราร์ด คว้าบัลลงดอร์ในปีนั้น
บาร์เซโลน่า ไปได้ไกลสุดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อฤดูกาล 2004/2005 แต่ สตาร์ชาวบราซิเลียน ยังได้รับคะแนนโหวตให้คว้า “บอลทองคำ” ไปครอบครอง งานนี้้องขอบคุณความสำเร็จในศึกลา ลีกา สเปน
“ดินโญ่” เคยยอมรับว่าการได้ บัลลงดอร์ ทำให้เขาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก แต่ไม่ใช่นักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ บาร์เซโลน่า โดยเป็นรอง ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งเปรียบเสมือน้องชาย แม้จะมาจากคนละประเทศก็ตาม
6. อันเดร เชฟเชนโก้ (2004)
หลังจาก เอฟซี ปอร์โต้ สร้างเรื่องสุดช็อกด้วยการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน กรีซ ก็สร้างตำนานเทพนิยายกรีก คว้าแชมป์ยูโร 2004 นั่นทำให้ไม่มีนักเตะคนไหนที่เป็นตัวเต็งในการลุ้นรางวัลบัลลงดอร์
ตอนนั้นผู้เล่นอย่าง เดโก้, โรนัลดินโญ่ และ เธียร์รี่ อองรี ต้องขับเคี่ยวแย่งรางวัลทรงเกียรตินี้ แต่สุดท้ายต้องพลาดท่าเสียทีให้กับ เชฟเชนโก้ ซึ่งต้องขอบคุณความสำเร็จของเขากับ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน
ตอนนั้น ตำนานกองหน้าทีมชาติยูเครน สร้างผลงานดีมีคุณภาพในปี 2004 ด้วยการนำ มิลาน คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ
7. พาเวล เนดเวด (2003)
แม้จะแพ้รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้กับ เอซี มิลาน ก็ตาม แต่ พาเวล เนดเวด ยังคงคว้าบัลลงดอร์มาครอบครอง
ย้อนกลับไปในปี 2003 ถือได้ว่านี่คือการมอบรางวัลที่มีการโต้แย้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์บัลลงดอร์ โดยแฟนบอลอาร์เซน่อลยังคงเถียงกันจนถึงทุกวันนี้ว่า เธียร์รี่ อองรี สมควรได้รับรางวัลในปีนั้นมากกว่า
หากมองอย่างเป็นกลาง เนดเวด ถือว่ามีปีที่โดดเด่นมากๆ เขาถือเป็นนักเตะคีย์แมนของ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ในการนำทีมทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศถ้วยใบโตยุโรป และยังคว้าแชมป์ เซเรีย อา ในปีนั้นด้วย
สล็อต365 UFA365 แทงบอล365
UFA365 UFA DIAMOND สมัครฟรี คลิ๊กเลย ➢ https://member.ufadm8.com/register.php
สอบถามเพิ่มเติม 𝙇𝙄𝙉𝙀 : https://lin.ee/QJ7cl29