จากพี่.. สู่น้อง..จาก ริคาร์โด้ สู่ ดีโอโก้ คอสต้า..

ริคาร์โด้ ผู้รักษาประตูรุ่นพี่ในทีมชาติโปรตุเกส ที่สร้างชื่อในวงการช่วงทศวรรษ 2000 โดยเฉพาะการเซฟจุดโทษเขี่ยทีมชาติอังกฤษตกรอบทัวร์นาเมนต์ใหญ่ 2 รายการซ้อนทั้งในศึกยูโร 2004 และฟุตบอลโลก 2006

ท่วงท่า ลีลา แคแร็กเตอร์ และพรสวรรค์ในการป้องกันจุดโทษดูจะเป็นไปในทางเดียวกัน

ทั้งคู่ไม่ใช่ผู้รักษาประตูรูปร่างสูงโย่งที่จะทำให้ได้เปรียบจากช่วงแขนที่ยาวยืดพุ่งทีเกือบถึงโคนเสา (ริคาร์โด้สูง 1.85 เมตร คอสต้าสูง 1.86 เมตร) แต่ทดแทนด้วยความคล่องตัว ว่องไว ปฏิกิริยาตอบสนองดี และเซนส์ในการอ่านใจคนยิงจุดโทษ

แน่นอนครับเพียงแค่ความสามารถในการป้องกันจุดโทษอย่างเดียวไม่ได้การันตีว่าคุณจะต้องเป็นเบอร์หนึ่ง การป้องกันลูกหลุดเดี่ยวของ เบนจามิน เซสโก้ ในนาทีที่ 115 เมื่อคืนยังยืนยันกับเราว่าคอสต้าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีเยี่ยม สามารถเป็นคนที่ “อยู่ตรงนั้น” ให้ทีมได้ในจังหวะชี้เป็นชี้ตายด้วย

การป้องกันประตูลูกนั้นคือการช่วยทีมเอาไว้อย่างแท้จริง เซฟนั้นช่วยทั้งทีมชาติโปรตุเกส ช่วยทั้งเปเป้ และช่วยทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในคราวเดียวกัน

ปฏิกิริยาการป้องกันประตูในเกมปกติ ความนิ่งยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ การตัดสินใจ ความตื่นตัว การอ่านเกม มีสมาธิเต็มที่ เมื่อบวกกับพรสวรรค์เรื่องการป้องกันจุดโทษเข้าไปด้วยก็ทำให้โปรตุเกสฝากประตูไว้กับคนที่พวกเขารู้สึกอุ่นใจได้จริง ๆ

ถึงตรงนี้ทีมชาติโปรตุเกสมีผู้รักษาประตูระดับทำสถิติในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ทั้งฟุตบอลโลกและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปยืนหยัดเคียงข้างกันนะครับ

-ริคาร์โด้ คือผู้รักษาประตูคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ป้องกันลูกจุดโทษได้ถึง 3 ครั้งในการดวลจุดโทษตัดสินใน ‘ฟุตบอลโลก’

มันเกิดขึ้นในเกมที่โปรตุเกสพบกับทีมชาติอังกฤษในรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกปี 2006

นายทวารจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน เวลานั้นพุ่งปัดลูกยิงของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ พาทีมทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ก่อนจะคว้าอันดับ 4 ไปครอง

18 ปีให้หลัง ดีโอโก้ คอสต้า นายด่านรุ่นน้องในทีมชาติก็สร้างผลงานที่เหมือนกันขึ้นมาเช่นกัน และแม้จะเกิดขึ้นคนละรายการ แต่มันคือการเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในทัวร์นาเมนต์สำคัญของโลกเหมือนกัน

-ดีโอโก้ คอสต้า กลายเป็นผู้รักษาประตูคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ป้องกันลูกจุดโทษได้ถึง 3 ครั้งในการดวลจุดโทษตัดสินในเวที ‘ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป’

มันเกิดขึ้นในเกมที่โปรตุเกสพบกับทีมชาติสโลวีเนียในรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลยูโร 2024 เมื่อคืนที่ผ่านมานี้เอง

นายประตูจากเอฟซี ปอร์โต้ พุ่งปัดลูกยิงของ โจซิป อิลิซิช ยูเร่ บัลโคเว็ค และ เบนจามิน เวอร์บิช พาทีมทะยานเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบกับตัวเต็งอย่างฝรั่งเศส

เพิ่มสถิติยอดเยี่ยมในการดวลจุดโทษตัดสินของโปรตุเกสในเวทีใหญ่เป็นยิง 5 ชนะ 4 แพ้แค่ครั้งเดียว

(ยิง 1 ชนะ 1 ในฟุตบอลโลก และยิง 4 ชนะ 3 ในศึกยูโร.. ครั้งเดียวที่แพ้คือการดวลจุดโทษตัดสินกับ สเปน ในรอบตัดเชือกยูโร 2012)

ในความเหมือนกันของสุดยอดผลงานนี้ คอสต้า ยังทำได้เหนือกว่า ริคาร์โด้ เล็กน้อยตรงที่เขาไม่ปล่อยให้นักเตะสโลวีเนียยิงผ่านมือได้เลยแม้แต่คนเดียว

ทั้ง 3 ครั้งที่ คอสต้า ป้องกันได้นั้นเกิดขึ้นจากการยิง 3 คนแรกทั้งหมด ขณะที่ ริคาร์โด้ ถูก โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ กองกลางทีมสิงโตคำรามส่งบอลผ่านมือได้ในการยิงคนที่สอง

กระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ด้วยทั้งคู่ต่างก็สร้างประวัติศาสตร์ที่ยากจะมีใครทำได้ขึ้นมาด้วยกัน ยึดครองมันทั้งในเวทีโลกและเวทีชิงแชมป์ทวีป

เป็นความภาคภูมิใจเคียงคู่กันของวงการฟุตบอลโปรตุเกส

ที่ยิ่งไปกว่านั้น.. ริคาร์โด้ เองก็คงยิ่งยินดีอย่างเต็มใจและยิ่งภูมิใจร่วมกันไปกับ ดีโอโก้ คอสต้า ได้เต็มที่

เพราะในค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนายทวารรุ่นน้องคนนี้ ตัวเขาเองก็กระโดดโลดเต้นอยู่ข้างสนามนั่นแหละ ในฐานะทีมงานสตาฟฟ์โค้ชของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ

ใช่แล้วครับ.. ริคาร์โด้ คือโค้ชผู้รักษาประตูของทีมชาติโปรตุเกสชุดนี้

จากพี่.. สู่น้อง

จากสถิติ.. สู่สถิติ

จากประวัติศาสตร์.. สู่ประวัติศาสตร์

จาก ริคาร์โด้ สู่ ดีโอโก้ คอสต้า.. ยังจะมีอะไรสวยงามไปกว่านี้อีกหรือ